กลุ่มโลหะมีค่า
MTS Gold Future
Gold Futures (โกลด์ฟิวเจอร์ส) หรือ สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า คือ สัญญาที่ผู้ซื้อกับผู้ขายตกลงกันในวันนี้ ว่าจะซื้อขายทองคำ ณ ราคาที่ตกลงกันไว้ ในอนาคต เป็นเครื่องมือที่ผู้ลงทุนสามารถใช้ทำ กำไรได้ตามความคาดการณ์ที่มีต่อราคา ทองคำได้ทั้งในภาวะราคาทองขาขึ้นและราคาทองขาลง ซื้อขายผ่านตลาดอนุพันธ์ (TFEX ) โดยมี บริษัท สำนักหักบัญชี (ประเทศไทย) จำกัด (TCH) เป็นผู้ประกันการชำระราคาจากการซื้อขาย และมีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นผู้กำกับดูแลการดำเนินงานของตลาดอนุพันธ์และบริษัทสมาชิกผู้ลงทุนจึงมั่นใจได้ว่าในทุกๆการซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ มีความโปร่งใสและเชื่อถือได้
ลักษณะของสัญญา Gold Futures | |
---|---|
ชนิดสินค้าอ้างอิง | ผู้ซื้อและผู้ขายมีอำนาจในการตั้งราคาเอง |
ราคาซื้อขาย | 1 สัญญาเท่ากับ 50 และ 10 บาทต่อบาททองคำ |
กำหนดการส่งมอบ | เดือนกุมภาพันธ์ เมษายน มิถุนายน สิงหาคม ตุลาคม และ ธันวาคม โดยจะให้มี การซื้อขายเฉพาะสัญญา ของเดือนเลขคู่ที่ใกล้ที่สุด 3 อันดับก่อน |
วิธีการส่งมอบ | ชำระส่วนต่างเป็นเงินสดไม่มีการส่งมอบทองคำจริง |
ข้อแตกต่างระหว่าง Gold Futures กับทองคำแท่ง
ทองคำ |
โกลด์ฟิวเจอร์ส | |
---|---|---|
เงินลงทุน | จ่ายชำระเงิน100% | วางเงินค้ำประกันประมาณ 10% ของมูลค่าสัญญา |
การส่งมอบสินค้า | ต้องไปรับส่งมอบที่ร้านทอง | ใช้วิธีชำระส่วนต่างราคาเป็นเงินสด |
กลยุทธ์
การทำกำไร | ทำกำไรได้เฉพาะขาขึ้น | ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง |
ข้อมูลราคาซื้อขาย | เปลี่ยนแปลงตามราคาของสมาคม
เฉลี่ยวันละ 1-2 ครั้ง | เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตามราคาเสนอซื้อขาย
ของคนในตลาด |
ค่าธรรมเนียม
การซื้อขาย | ไม่มีค่าธรรมเนียม แต่มีส่วนต่างราคาซื้อขาย 100 บาท | มีค่าธรรมเนียม 0.1% ของมูลค่าสัญญา แต่มีส่วนต่างราคาซื้อขายแค่ 10 บาท |
ระยะเวลา
การลงทุน | ระยะกลาง-ยาว | ระยะสั้นวันต่อวัน |
สรุปลักษณะสัญญา Gold Futures ขนาด 50 บาททองคำ
หัวข้อ |
สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าขนาด 50 บาททองคำ | ||
---|---|---|---|
สินค้าอ้างอิง | ทองคำแท่งที่มีความบริสุทธิ์ 96.5% | ||
ชื่อย่อสัญญา | GF | ||
ขนาดของสัญญา | 1 สัญญามีขนาดเท่ากับ
ทองคำน้ำหนัก 50 บาท (762.20 กรัม) (ทองคำหนัก 1 บาท = 15.244 กรัม) | ||
เดือนที่สัญญาสิ้นสุดอายุ | เดือนคู่ (กุมภาพันธ์ เมษายน มิถุนายน สิงหาคม ตุลาคม และธันวาคม) ใกล้ที่สุด 3 ลำดับ | ||
ราคาเสนอซื้อขาย | เสนอซื้อขายเป็นเงินบาทต่อทองคำน้ำหนัก 1 บาท | ||
ช่วงราคาซื้อขายขั้นต่ำ | 50 บาท
(คิดเป็นมูลค่า 500 บาทต่อสัญญา) | ||
ช่วงการเปลี่ยนแปลงของ ราคาสูงสุดแต่ละวัน | ±10% จากราคาที่ใช้ชำระราคาล่าสุด โดยหากมีการซื้อขายที่ Ceiling และ Floor ดังกล่าว ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะหยุดการซื้อขายชั่วคราว ก่อนเปิดให้ซื้อขายอีกครั้ง พร้อมกับขยายช่วงการเปลี่ยนแปลงราคาเป็น ± 20% ของราคาที่ใช้ชำระราคาล่าสุด | ||
เวลาซื้อขาย |
| ||
การจำกัดฐานะ | ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอาจประกาศกำหนดจำนวนการถือครองสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสูงสุด ได้ตามที่เห็นสมควร | ||
วันซื้อขาย
วันสุดท้าย | วันทำการก่อนวันทำการสุดท้ายของเดือนที่สัญญาสิ้นสุดอายุ โดยในวันนั้น สัญญาที่หมดอายุจะซื้อขายได้ถึงเวลา 16:30 น. | ||
ราคาที่ใช้ชำระราคา ในวันซื้อขาย วันสุดท้าย | ใช้ราคา London Gold AM Fixing เป็นราคาอ้างอิงในการคำนวณราคา Final Settlement Price โดยการคำนวณจะปรับอัตราแลกเปลี่ยน น้ำหนักและความบริสุทธิ์ของทองคำตามสูตรการคำนวณ ดังนี้
ราคาต่อน้ำหนักทองคำ 1 บาท (ใช้ค่าทศนิยม 2 ตำแหน่ง) = London Gold AM Fixing x (15.244/31.1035) x (0.965/0.995) x (THB/USD) โดยที่
| ||
วิธีการส่งมอบ/ชำระราคา | ชำระราคาเป็นเงินสด |
ความรู้ก่อนการลงทุน
ข้อดีของสัญญา FUTURES
- ราคาที่ผู้ซื้อและผู้ขายมีอำนาจในการกำหนดราคาเองได้
- ไม่มีการส่งมอบทองคำจริง ใช้วิธีตัดส่วนต่างซื้อขาย
- ลงทุนน้อยกว่าแต่ทำกำไรได้มากกว่า
- ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง (ขายก่อนซื้อได้)
- สามารถซื้อขายได้ด้วยตนเอง โดยเทรดผ่านทางอินเตอร์เน็ต
- มี Marketing ดูแล ให้ข้อมูล ข่าวสาร ประกอบการตัดสินใจ และติดตามสถานการณ์ลงทุน
การวางเงินค้ำประกัน (Margin)
โดยผู้ที่จะลงทุนใน สัญญา Futures จะต้องวางเงินค้ำประกันก่อน จึงจะสามารถลงทุนได้ ซึ่งเงินวางค้ำประกันมีอยู่ด้วยกัน 3 ระดับดังนี้
- 1
เงินวางค้ำประกันขั้นต้น หรือที่เรียกว่า Initial Margin (IM)
เป็นเงินวางค้ำประกันเริ่มแรก ซึ่งเป็นเงินเพียงประมาณ 10% ของมูลค่าสินทรัพย์อ้างอิงของสัญญา Futures จริงเท่านั้น
- 2
เงินวางค้ำประกันขั้นต่ำ หรือที่เรียกว่า Maintenance Margin (MM)
คือ หลักประกันรักษาสภาพ หรือหมายถึง วงเงินที่นักลงทุนจะต้องรักษาระดับเงินในบัญชีไม่ให้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด หรือ 70 % ของเงินวางค้ำประกันขั้นต้น
- 3
หลักประกันปิดฐานะ หรือที่เรียกว่า Force Close (FC)
คือ กรณีที่เงินหลักประกันลดต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด หรือ 30 % ของเงินวางค้ำประกันขั้นต้น ซึ่งกรณีนี้ Broker มีสิทธิ์ปิดสถานะซื้อขาย เพื่อหยุดผลการขาดทุนของท่านได้ทันที เว้นแต่ว่าท่านจะเติมเงินเข้ามาภายในเวลา 1 ชั่วโมง
การปรับมูลค่าตามราคาตลาด (Mark-to-Market)
วันที่ |
รายการ |
ราคา ณ สิ้นวัน |
กำไร/
|
โอนเข้า/
|
ยอดเงินหลักประกัน |
---|---|---|---|---|---|
03/02/2552 | ซื้อGold Futures ที่ 15,000 บาท | 70,000 บาท | |||
ปรับปรุงกำไร/ขาดทุน | 15,080 บาท | 4,000 บาท
(80 X 50) | 74,000 บาท | ||
04/02/2552 | ปรับปรุง กำไร/ขาดทุน | 14,800 บาท | -14,000 บาท
(280 X 50) | 60,000 บาท | |
05/02/2552 | ปรับปรุง กำไร/ขาดทุน | 14,500 บาท | -15,000 บาท
(300 X 50) | 45,000 บาท | |
06/02/2552 | วางเงินประกันเพิ่ม | 25,000 บาท | 70,000 บาท | ||
ขาย Gold Futures ที่ 15,050 บาท | 27,500 บาท
(550 X 50) | 97,500 บาท |
วันที่ 3 ก.พ.
นาย A เข้าซื้อโกลด์ฟิวเจอร์สที่ 15,000 บาท จำนวน 1 สัญญา พอสิ้นวัน ราคามาอยู่ที่ 15,080 บาท ทางตลาดจะทำการ Mark-to-Market คำนวณหากำไร ขาดทุนที่นาย A ซื้อไว้กับราคาปิดตลาด 15,080 -15,000 = กำไร 80 บาทคูณด้วย50 (เพราะ1สัญญาโกลด์ฟิวเจอร์สเท่ากับทอง 50 บาท) ดังนั้นในวันนี้นาย A กำไร 4,000 บาท ทำให้ยอดเงินในบัญชีเท่ากับ 74,000 บาท
วันที่ 4 ก.พ.
ต่อมาในวันที่ 4 ก.พ.ราคาปรับลงลดมาปิดที่ 14,800 บาท คำนวณกำไรขาดทุนแล้ว เท่ากับ 14,800 – 15,080 = (280*50) ขาดทุน 14,000 บาท ทำให้ยอดเงินในบัญชี ลดลงเท่ากับ 60,000 บาท
วันที่ 5 ก.พ.
สิ้นวันที่ 5 ก.พ.ราคาลดลงปิดตลาดที่ราคา 14,500 บาท คำนวณกำไรขาดทุนแล้ว เท่ากับ 14,500 – 14,800 = (300*50) ขาดทุน 15,000 บาท ทำให้ยอดเงินในบัญชี ลดลงเท่ากับ 45,000 บาท ทำให้นาย A ต้องเติมเงินเพิ่มเข้ามาอีก 25,000 บาทใน วันรุ่งขึ้น
วันที่ 6 ก.พ.
นาย A เติมเงินเข้ามาและราคากลับดีดตัวสูงขึ้นจึงทำการขายกลับที่ราคา 15,050 บาท ดังนั้นเมื่อคำนวณกำไรขาดทุนแล้วจะเท่ากับ 15,050 – 14,500 = (550*50) กำไร 27,500 บาท สรุปยอดเงินในบัญชีนาย A จะเท่ากับ 97,500 บาท
ขั้นตอนการลงทุน
ขั้นตอนการซื้อ-ขาย
- 1
ต้องสมัครและเปิดบัญชี กับทาง MTS Gold Futures ก่อน โดยมีเอกสารที่ใช้สมัคร ดังนี้
• สำเนาบัตรประชาชน
• สำเนาทะเบียนบ้าน
• Statement หรือ Book Bank ย้อนหลัง 3 เดือน
• หน้า Book Bank ของธนาคาร (ธ.กสิกร, ธ. กรุงเทพ, ธ.กรุงไทย และ ธ.ไทยพาณิชย์) - 2
ต้องมีการวาง เงินหลักประกันขั้นต้น (Initial Margin) กับทางโบรกเกอร์อนุพันธ์
- 3
ส่งคำสั่งซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ทางโทรศัพท์ หรือส่งคำสั่งด้วยตนเองผ่านทางinternet
- 4
ปรับปรุงกำไรขาดทุนทุกวัน (Mark-to-Market)
เพื่อให้ท่านได้รับทราบถึงสถานะผลกำไรหรือขาดทุนในสถานะการลงทุนของท่านเอง ซึ่งตลาดจะทำการอัพเดตข้อมูลสถานะการลงทุนของท่านทุกวัน โดยจะมีการเพิ่มของเงินในบัญชีหลักประกัน หากท่านมีสถานะในฝั่งกำไร แต่ในทางตรงกันข้ามหากท่านมีสถานะขาดทุนก็จะมีการหักเงินส่วนที่ขาดทุนจากบัญชีหลักประกันออกไป
- 5
หมั่นตรวจสอบสถานะการลงทุนของท่าน เพื่อลดความเสี่ยงและปรับพอร์ตของท่านให้เหมาะสมกับสภาพตลาด